วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คุณค่าจากลิลิตตะเลงพ่าย

1. เป็นวรรณคดีชั้นสูงของชาติซึ่งถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของวรรณคดีอื่นๆ
2. ให้คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์หลายประการ เช่น การเล่นคำ การแทรกบทนิราศคร่ำครวญ การใช้โวหารต่างๆ การพรรณนาฉากที่ทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วม และเกิดความรู้สึกคล้อยตาม
3. ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และลักษณะผู้ฟังที่ดี
4. ปลุกใจให้คนไทยรักและเทิดทูนแผ่นดินไทยจนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อบ้านเมือง

ข้อคิดจากลิลิตตะเลงพ่าย

1. ลิลิตตะเลงพ่ายสะท้อนให้เห็นความรักชาติ ความเสียสละ ความกล้าหาญ ของบรรพบุรุษ ซึ่งคนไทยควรภาคภูมิใจ
2. แผ่นดินไทยต้องผ่านการทำศึกสงครามอย่างมากมายกว่าที่จะมารวมกันเป็นปึกแผ่นอย่างปัจจุบันนี้
3. พระราชภารกิจของกษัตริย์ไทยในสมัยก่อน คือการปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขและรบเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย

คุณธรรมจากลิลิตตะเลงพ่าย

1 .ความรอบคอบไม่ประมาท
                ในเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายนี้เราจะเห็นคุณธรรมของพระนเรศวรได้อย่างเด่นชัดและ สิ่งที่ทำให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ มากที่สุดคือ ความรอบคอบ ไม่ประมาท  ดั่งโคลงสี่สุภาพตอนหนึ่งกล่าวว่า
                   พระห่วงแต่ศึกเสี้ยน              อัสดง
เกรงกระลับก่อรงค์               รั่วหล้า
คือใครจักคุมคง                    ควรคู่ เข็ญแฮ
อาจประกันกรุงถ้า                  ทัพข้อยคืนถึง
                หลังจากที่พม่ายกกองทัพเข้ามาพระองค์ก็ทรง สั่งให้พ่ายพลทหารไปทำลายสะพานเพื่อว่าเมื่อฝ่ายไทยชนะศึกสงคราม พ่ายพลทหารของฝ่ายพม่าก็จะตกเป็นเชลยของไทยทั้งหมด นั่นแสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีทัศนคติที่กว้างไกล ซึ่งมีผลมาจากความรอบคอบไม่ประมาท
2 .การเป็นคนรู้จักการวางแผน
                จากการที่เราได้รับการศึกษาเรื่องลิลิตตะเลง พ่ายเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าในช่วงตอนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเปลี่ยนแผน การรบเป็นรับศึกพม่าแทนไปตีเขมร พระองค์ได้ทรงจัดการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไม่รอช้า ทรงแต่งตั้งให้พระยาศรีไสยณรงค์เป็นแม่ทัพหน้าและพระราชฤทธานนท์เป็นปลัดทัพ หน้าตามด้วยแผนการอื่นๆอีกมากมายเพื่อทำการรับมือ และพร้อมที่จะต่อสู้กับข้าศึกศัตรูทางฝ่ายพม่า ยกตัวอย่างโคลงสี่สุภาพที่แสดงให้เราเห็นถึงการรู้จักการวางแผนของสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช
                   พระพึงพิเคราะห์ผู้                  ภักดี ท่านนา
คือพระยาจักรี                        กาจแกล้ว
พระตรัสแด่มนตรี                    มอบมิ่ง เมืองเฮย
กูไกลกรุงแก้ว                       เกลือกช้าคลาคืน
                เมื่อเราเห็นถึงคุณธรรมทางด้านการวางแผนแล้ว เราก็ควรเอาเยี่ยงอย่างเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตให้เป็นไปอย่างมีระเบียบ มีแบบแผน ซึ่งจากคุณธรรมข้อนี้ก็อาจช่วยเปลี่ยนแปลงให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ให้กลายเป็นบุคคลที่มีคุณภาพชีวิตทางด้านการวางแผนในการดำเนินชีวิตก็เป็น ได้ถ้าเรารู้จักการวางแผนให้กับตัวเราเอง
3. การเป็นคนรู้จกความกตัญญูกตเวที
                จากบทการรำพึงของพระมหาอุปราชาถึงพระราชบิดา นั้น แสดงให้เราเห็นอย่างเด่นชัดเลยทีเดียวว่าพระมหาอุปราชาทรงมีความห่วงใย อาทร ถึงพระราชบิดาในระหว่างที่ทรงออกรบ ซึ่งแสดงให้เราเห็นถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อพระราชบิดา โดยพระองค์ได้ทรงถ่ายทออดความนึกคิด และรำพึงกับตัวเอง ดั่งโคลงสี่สุภาพที่กล่าวไว้ว่า
                    ณรงค์นเรศด้าว               ดัสกร
ใครจักอาจออกรอน             รบสู้
เสียดายแผ่นดินมอญ           มอด ม้วยแฮ
เหตูบ่มีมือผู้                       อื่นต้านทานเข็ญ
                ซึ่งเมื่อแปลจะมีความหมายว่า เมื่อยามที่สงครามขึ้นใครเล่าจะออกไปรบแทนท่านพ่อ จากโคลงนี้ไม่ได้แสดงให้เราเห็นถึงความกตัญญูที่มีต่อพระราชบิดาของพระมหา อุปราชาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความกตัญญู ความ
จงรัก ภักดี ต่อชาติบ้านเมืองอีก
4. การเป็นคนช่างสังเกตและมีไหวพริบ
                สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่มีพระปรีชาสามารถทางด้านการมีความสติปัญญาและมีไหวพริบเป็นเลิศ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะทรงมีคุณธรรมทางด้านการเป็น คนช่างสังเกตและมีไหวพริบ ด้วยเหตุนี้ทำให้พระองค์ทรงสามารถแก้ไขสถานการณ์อันคับขันในช่วงที่ตกอยู่ใน วงล้อมของพม่าได้ ซึ่งฉากที่แสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงมีคุณธรรมทางด้านนี้คือ
              โดยแขวงขวาทิศท้าว          ทฤษฎี แลนา
                    บัด ธ เห็นขุนกรี                    หนึ่งไสร้
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์                   เรียงคั่ง ขูเฮย
หนแห่งฉายาไม้                     ข่อยชี้เฌอนาม
                         ปิ่นสยามยลแท้ท่าน            คะเนนึก อยู่นา
ถวิลว่าขุนศึกสำ-                     นักโน้น
ทวยทับเทียบพันลึก                แลหลาก หลายแฮ
ครบเครื่องอุปโภคโพ้น              เพ่งเพี้ยงพิศวง
                สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้วิธีการสังเกตหา ฉัตร5ชั้น ของพระมหาอุปราชา ทำให้พระองค์ทรงทราบว่าใครเป็นพระมหาอุปราชาทั้งๆที่มีทหารฝ่ายข้าศึกร่าย ล้อมพระองค์จนรอบ แต่ด้วยความมีไหวพริบพระองค์จึงตรัสท้ารบเสียก่อนเพราะถ้าพระองค์ไม่ทรงตรัส ท้ารบเสียก่อนพระองค์อาจทรงถูกฝ่ายข้าศึกรุมโจมตีก็เป็นได้ ดังนั้นเมื่อเราเห็นคุณธรรมของพระองค์ด้านนี้แล้วก็ควรยึดถือและนำไปปฏิบัติ ตามเพราะสิ่งดีๆเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลดีต่อตนเอง และต่อประเทศชาติได้
                5. ความซื่อสัตย์
                จากเนื้อเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่าบรรดาขุน กรีและทหารมากมายทั้งฝ่ายพม่าและฝ่ายไทยมีความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี ต่อประเทศชาติของตนมากเพราะจากการที่ศึกษาเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายเรายังไม่ เห็นเลยว่าบรรดาทหารฝ่ายใดจะทรยศต่อชาติบ้านเมืองของตน ซึ่งก็แสดงให้เราเห็นว่าความซื่อสัตย์ในเราองเล็กๆน้อยๆก็ทำให้เราสามารถ ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ๆได้ซึ่งจากเรื่องนี้ความซื่อสัตย์เล็กๆน้อยๆของบรรดา ทหารส่งผลให้ชาติบ้านเมืองเกิดความเป็นปึกแผ่นมั่นคงได้
เรา ก็เช่นเดียวกัน....ถ้าเรารู้จักมีความ ซื่อสัตย์ต่อตนเองดั่งเช่นบรรดาขุนกรี ทหารก็อาจนำมาซึ่งความเจริญและความมั่นคงในชีวิตก็เป็นได้ซึ่งสิ่งนี้อาจส่ง ผลประโยชน์ต่อตนเอง ต่อครอบครัวและชาติบ้านเมือง
                6. การมีวาทศิลป์ในการพูด
                จากเรื่องนี้มีบุคคลถึงสองท่านด้วยกันที่ แสดงให้เราเห็นถึงพระปรีชาสามารถทางด้านการมีวาทศิลป์ในการพูด ท่านแรกคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในโคลงสี่สุภาพที่ว่า
                   พระพี่พระผู้ผ่าน                   ภพอุต-ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด            ร่มไม้
เชิญการร่วมคชยุทธ์              เผยอเกียรติ ไว้แฮ
                    สืบว่าสองเราไซร้                   สุดสิ้นฤามี
                เราจะเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้วาจาที่ ไพเราะมีความสุภาพน่าฟังต่อพระมหาอุปราชาซึ่งเป็นพี่เมื่อครั้งที่สมเด็จพระ นเรศวรทรงประทับอยู่ทางฝ่ายพม่า
                ท่านที่สองคือ สมเด็จพระวันรัต เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงมาขอพระราชทานอภัยโทษจากพระนเรศวร ให้กับบรรดาทหารที่ตามเสด็จพระนเรศวรในการรบไม่ทัน ซึ่งอยู่ในโคลงสี่สุภาพที่ว่า
                   พระตรีโลกนาถแผ้ว             เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร               พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ                 อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยินก้อง              เกียรติก้องทุกภาย
การ มีวาทศิลป์ในการพูดของสมเด็จพระวันรัต ครั้งนี้ทำให้บรรดาขุนกรี ทหารได้รับการพ้นโทษดังนั้นจากคุณธรรมข้อนี้ทำให้เราได้ข้อคิดที่ว่า การพูดดีเป็นศรีแก่ตัวเมื่อเราทราบเช่นนี้แล้วเราทุกคนก่อนที่จะพูดอะไรต้อง คิดและไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูด

ร่าย:ตอนที่ 12 สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ

ตอนที่ ๑๒ สมเด็จพระวันรัตขอพระราชทานอภัยโทษ

(ร่าย)       ไป่ เกินกาลท่านสั่ง กระทั่งแรมสิบห้าค่ำ ย่ำสองนาฬิกาปลาย ทำงนงายพอเสร็จ จึ่งสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้วแคล้วคลา กับราชาคณะสงฆ์ ยี่สิบห้าองค์สองแผนก แฉกงาสานสรล้าย ผ้ายลุยังวังราช พระบาทธให้นิมนต์ ดลเรือนรัตนมาฬก ตกแต่งอาสน์ลาดเจียม เตรียมเสร็จสงฆ์สู่สถิต บพิตรกรกรรมพุม ชุมบรรพชิตแช่มชื่น ขุนชีอื้นอวยพร ถามข่าวจรจอมภพ ซึ่งเสด็จรบพารณ จนอเรนทรพินาศ ขาดคอคชในรงค์ จึ่งพระองค์อิศเรศ บรรหารเหตุจำบัง จอมสงฆ์ฟังซั้นขาน พระราชสมภารมีชัย ใดทวยบาทมูลิกา ต้องอาชญายินแหนง ตรัสแสดงโดยดับ ว่านายทัพทั้งผอง เกณฑ์เข้ากองพยูห์ โยมสองตูต่อเข็ญ มันเห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยิ่งกว่ากลัวสวามิศ บเต้าติดตูต้อย มละแต่ข้อยสองคน เข้าโรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางค์เนืองบร จนราญรอนไอยเรศ ลุชเยศมฤตยู จึ่งได้ดูหน้ามัน เพื่อมหันตบารเมศ เบื้องบุเรศบำรุง ผดุงเดชเผือพี่น้อง ผิบพ้องบุญบูรพ์ ไอยศูรย์เสียมภพ ตรลบเลื่องขามนามตะเลง ลือละเวงธาษตรี เป็นธรณีหงสา เสื่อมกฤตยาสยามยศ สาหสสหากมากมวล ควรลงทัณฑ์ถึงม้วย ด้วยพระอัยการศึก จารึกชื่อชั่วฟ้า ไว้เป็นขนบภายหน้า อย่าให้ใครยลเยี่ยงนา     
โคลง๔   ๏ สมเด็จพนรัตเจ้า                 จอมชี
ฉลองพจน์ราชวาที                   ท่านให้
ทวยทูลละอองธุลี                     บัวบาท  พระนา
พื้นภักดีต่อใต้                         บทเบื้องเรณู
๏ ดูผิดไป่รักท้าว                     ไป่เกรง
แผกระบอบแต่เพรง                 ห่อนพ้อง
พระเดชหากแสดงเอง              อำนาจ  พระนา
เสนอทุกทวยธเรศก้อง             เกียรติอ้างอัศจรรย์                ฯลฯ
๏ พระตรีโลกนาถแผ้ว             เผด็จมาร
เฉกพระราชสมภาร                 พี่น้อง
เสด็จไร้พิริยะราญ                   อรินาศ  ลงนา
เสนอพระยศยิ่งยินก้อง            เกียรติท้าวทุกภาย
๏ ผิวหลายพยุหยุทธ์ร้า            โรมรอน
ชนะอมิตรมวลมอญ                   มั่วมล้าง
พระเดชบ่ดาลขจร                    เจริญฤทธิ์  พระนา
ไปทั่วธเรศออกอ้าง                 เอิกฟ้าดินไหว
๏ อย่าไทโทมนัสน้อย              หฤทยา
เพื่อพระราชกฤษฏา                  แต่กี้
ทุกทวยเทพคณา                    ซุมซ่วย  พระเอย
แสดงพระเดโชชี้                     ชเยศไว้ในสนาม
โคลง๒   ๏ สมดั่งความตูพร้อง              ขอบพิตรอย่าข้อง
                ขุ่นแค้นเคืองกมล  ท่านนา
                ๏ โดยยุบลถ่องแท้             ฤๅสนเท่ห์เล่ห์แล้
ถูกถ้อยแถลงการณ์   นี้นา
(ร่าย)       ปาง นฤบาลบดินทร์ ยินสมเด็จพระวันรัต จำแนกอรรถบรรยาย ถวายวิสัชนาสาร โดยพิสดารพรรณนา เสนอสมญายศโยค พระบรมโลกโมลี ด้วยวิธีอุปมาแห่งกฤษฎาภินิหาร ดาลมนัสชุ่มชื้น ตื้นเต็มปรีดิ์ปราโมทย์ โอษฐ์ออกื้นสาธู ชูพระกรกรรพุม ชุมทศนัขเหนือผาก เพื่อยินมลากเลอมาน เจ้ากูขานคำขอบ ชอบทุกสิ่งจริงถ้อย ถวิลบ่แหนงหนึ่งน้อย แน่แท้แถลง แลนา     
โคลง๔   ๏ แจ้งเหตุแห่งเหือดขึ้ง          ในมนัส
จึ่งพระวันรัตวัด                        ป่าแก้ว
ถวายพรบวรศรีสวัสดิ์                 สว่างโทษ  ท่านนา
นฤทุกข์นฤภัยแผ้ว                    ผ่องพ้นอันตราย
          ๏ ทั้งหลายทวยบาทเบื้อง           บงกช
ควรโคตรโทษสาหส                  อะคร้าว
แต่ทูลธุลีบท                          สนองบาท  มานา
เพรงพระอัยกาท้าว                   ตราบไท้พระเจ้าหลวง
๏ ล่วงถึงบพิตรผู้                      เถลิงถวัลย-  ราชย์ฤๅ
คือพุทธบรรษัทสรรพ์                 สืบสร้าง
เชิญดอดอวยทัณฑ์                   ทวยโทษ  นี้นา
          เลยอย่าลาญชีพมล้าง                หนึ่งครั้งขอเผือ
          ๏ ไว้เพื่อผดุงเดชเจ้า                จอมปราณ
ก่อเกิดราชรำบาญ                    ใหม่แม้
พูนเพิ่มพระสมภาร                   เพ็ญภพ  พระนา
วายบ่หวังตนแก้                       ชอบได้ไป่มี
(ร่าย)       นฤบดี ดาลสดับอรรถ ซึ่งพระวันรัตอภิปราย ถวายพระพรอาจายน์ โทษมวลมาตย์ทุกมุล เพื่อการุญบริรักษ์ ภักดีในบาทบงสุ์ จึ่งพระองค์อนุญาต พระราชทานโทษทั้งผอง โดยอันครองยศ บรรหารพจนพาที ซึ่งเจ้าชีขานขอ ข้อยยกยอโทษให้ แต่ชอบใช้ไปรอน เอานครตะนาวศรี บุรีทวายมริด ถ่ายหนผิดหาชอบ ขุนสงฆ์ตอบคำขาน ข้อโรมราญราวิศ ไป่เป็นกิจตูตาม ใช่เงื่อนงามบรรพชิต โดยพิตรอัธยา เบื้องบัญชาเชิงใช้ ขอลาไท้ลีลาศ ยังอาวาสเวียงวัด ตระบัดท่านจรลี พาเพื่อนชีอะคร้าว คืนสู่ด้าวอาราม เจ้าจอมสยามเสาวนีย์ เนืองมนตรีพ้นโทษ โปรดให้เนาตำแหน่ง แห่งฐานันดรยศ พระราชกำหนดโดยดับ ทัพเจ้าพระยาคลัง รังพลห้าหมื่นเสร็จ เห็จโหมเวียงทวาย หมายเจ้าพระยาจักรี พรักพิรีย์เทียบทัด รัดไปโรมตะนาวศรี ตีมริดเวียงชัย จึ่งชไมมาตยา บัลคลลายาตรพยู่ห์ สู่แดนเศิกโดยปอง ปิ่นเสียมสองสุริยชาติ ตรัสพิภาษพจนา ซึ่งอุตรานคเรศ เขตสีมาเมืองออก เลิกครัวครอกมาหลาย หมายบ่หมดทั้งผอง ตริไตรครองคราวศึก เสื่อมหาญฮึดแบ่งเบา จักโรมเราฤๅย่าน ฝีมือม่านมอญมวล ควรผดุงชนบท ปรากฏเกียรติยืนยง คงคู่กัลป์ประลัย เฉลิมแหล่งไผททั่วด้าว แสดงพระยศไทท้าว ธิราชไว้ไป่วาย นามนา  ฯลฯ    
โคลง๔   ๏ เสร็จแสดงพระยศเจ้า         จอมอยุธ- ยาแฮ
          องค์อดิศรสมมุติ                    เทพไท้
นเรศวรรัตนมกุฎ                   เกศกษัตริย์  สยามฤๅ
หวังอยู่คู่ธเรศไว้                    ฟากฟ้าดินเฉลิม
            ๏รังเริ่มรจเรขอ้าง               อรรถา  แถลงเอย
เสมอทิพย์มาลย์ผกา               เก็บร้อย
ฉลองบทรัชนรา-                    ธิปผ่าน  ภพฤๅ
โดยบ่เชี่ยวเชลงถ้อย               ถ่องแท้แลฉลาย
            ๏ บรรยายกลกาพย์แสร้ง        สมญา  ไว้แฮ
          สมลักษณ์เล่ห์เสาวนา              เรื่องรู้
          “ตะเลงพ่ายเพื่อตะเลงปรา-       ชเยศ  พระเอย
เสนอฤทธิ์สองราชสู้                 ศึกช้างกลางสมร
๏ อวยพรคณะปราชญ์พร้อม       พิจารณ์  เทอญพ่อ
ใดวิรุธบรรหาร                        เหตุด้วย
จงเฉลิมแหล่งพสุธาร                 เจริญรอด  หึงแฮ
มลายโลกอย่ามลายม้วย            อรรถอื้นอัญขยม
          ๏ กรมหมื่นนุชิต                       เชื้อ กวีวร
ชิโนรส  มิ่งมหิศร                        เสกให้
ศรีสุคต  พจนสุนทร                     เถลิงลักษณ์  นี้นา
         ขัตติยวงศ์  ผจงโอษฐ์ไว้               สืบหล้าอย่าศูนย์     ฯลฯ
          ๏ ผิววงว่ายวัฏเวิ้ง                     วารี  โอฆฤๅ
บลุโลกกุตรโมลี                        เลิศล้น
จงเจนจิตกวี                           วรวากย์  เฉลิยวเอย
ตราบล่วงบ่วงภพพ้น                   เผด็จเสี้ยนเบียนสมร ฯลฯ

ร่าย:ตอนที่ 11 พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร

ตอนที่ ๑๑ พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบำเหน็จทหาร
 
โคลง๔   ๏ ราชาชัเยศอื้น                     โองการ
                รังสฤษฏ์พระสถูปสถาน       ทึ่มล้าง
                ขุนเข็ญคู่รำบาญ                สวมศพ ไว้แฮ
                หนตระพังตรุสร้าง              สืบหล้าแหล่งเฉลิม
(ร่าย)       เสร็จ เริ่มรณแล้วไสร้ ธให้เจ้าเมืองมล่วน ถ้วนทั้งคชหมอควาญ จำทูลสารเสียรงค์ องค์อุปราชเอารส ขาดคชลาญชีพ รีบเร็วยาตรอย่าหึง ไปแจ้งอึงกฤษฎาการ แด่มหิบาลผู้เผ้า เจ้าแผ่นภพหงสา แล้วธให้คลาพยุหทัพ กลับคืนครองครอบเหล้า เถลิงอยุธยเย็นเกล้า ทั่วทวยสยาม สิ้นนา     
โคลง๔   ๏ กรุงรามฤทธิ์เฟื่องฟ้า          ฟู่ภพ
             ตระบัดบพิตรปรารภ             ชอบพ้น
             เจ้ารามราฆพ                      คงคู่ เสด็จนา
              ตำแหน่งกลางช้างต้น            ต่อด้วยดัสกร
  ๏ กุญชรวรพ่าห์ท้าย              เถลิงงาน
  องค์อนุชนฤบาล                   บั่นเสี้ยน
  ขุนศรีคชคงชาญ                    ชเยศ ยิ่งนา
  สนองบาทยาตรยุทธ์เที้ยน       เพื่อนไท้ในรณ
            ๏ สองผจญอริราชด้วย           โดยเสด็จ
            คุณขอบตอบบำเหน็จ            ท่านให้
            ครบเครื่องอุปโภคเสร็จ          ทุกสิ่ง สรรพแฮ                                     
  เงินและทองทาสใช้               อีกทั้งทวยเชลย
  ๏ แล้วเผยพจนารถชั้น            บรรหาร
  ยกชอบกอบบำนาญ               ที่ม้วย
  นายมหานุภาพควาญ             กลางคช หนี่งนา
  หมื่นภักดีศวรด้วย                 ศึกสู้เสียตน
            ๏ นบัดดลดำรัสให้                 ปูนยศ
            ทรัพย์สิ่งศรีสำรด                   ทั่วทั้ง
            บุตรทารท่านแทนทด           ความชอบ เขานา
              สมที่ภักดีตั้ง                    ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม
(ร่าย)       เพิ่ม บำเหน็จเสร็จไซร้ ธให้เชิญพระอัยการศึก ปรึกษาโทษขุนทัพ สรรพทั้งมวลหมู่มาตย์ ว่าอริราชริปู ยกพยูหเหยียบเขต ประเวศชานเวียงชัย พระบาทไทธทั้งสอง ปองพระศาสน์อำรุง ผดุงชุมชีทวิชาติ ทั่วทวยราษฎร์ประชา ไป่ระอาออกท้อ ข้อลำเค็ญพระองค์ ทรงพระอุตสาหภาพ เสด็จปราบราชอรี ปวงมนตรีนายทัพ สรรพทุกตนทุกตัว กลัวอเรนทร์เหลือล้น พ้นยิ่งพระราชอาชญา ไป่ยาตราพลขันธ์ ทันเสด็จด้าวรณรงค์ มละสารทรงสองเต้า เข้าท่ามกลางปัจนึก ถึงสู้ศึกหัสดี มีชเยศเสร็จสรรพ โทษขุนทัพทั้งมวล ควรประการใดไสร้ โดยระบอบแบบไว้ แต่เบื้องโบราณ รีตนา  ฯลฯ
โคลง๒   ๏ ถวายพิพากษาชั้น               ดำรัสโดยเหตุหั้น
                แห่งเบื้องบันทึก โทษนา
                ๏ คำนึงนึกบาปใกล้              วันบัณรสีไซร้
                จวบเข้าควรงด หน่อยนา
                ๏ กำหนดพรุกเพ็ญแท้           พันธนาไว้แล้
                ตรุตรึ้งตรากขัง มั่นนา
 โคลง ๓     ๏ ตั้งแต่ปาฏิบท                   ล่วงอุโบสถเสด็จแล้ว
                เร่งสฤษฏ์โทษอย่าแคล้ว         คลาดด้าวดำเนิน บทนา

ร่าย:ตอนที่ 10 ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย

ตอนที่ ๑๐ ยุทธหัตถี และชัยชนะของไทย

โคลง๔   ๏ นฤบาลบพิตรเผ้า               ภูวนา ยกแฮ
ผายสิหนาทกถา                     ท่านพร้อง
ไพเราะราชสุภา-                    ษิตสื่อ สารนา
เสนอบ่มีข้อข้อง                    ขุ่นแค้นคำไข
๏ อ้าไทภูธเรศหล้า                 แหล่งตะเลง โลกฤๅ
เผยพระยศยินเยง                   ย่านแกล้ว
สิบทิศทั่วลือละเวง                 หวั่นเดช ท่านนา
ไป่เริ่มรอฤทธิ์แผ้ว                   เผือดกล้าแกลนหนี
๏ พระพี่พระผู้ผ่าน                                 ภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด            ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธิ์              เผยยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้                สุดสิ้นฤๅมี
๏ หัสดีรณเรศอ้าง                  อวสาน นี้นา
นับอนาคตกาล                      ห่อนพ้อง
ขัตติยายุทธ์บรรหาร              คชคู่ กันแฮ
คงแต่เผือพี่น้อง                      ตราบฟ้าดินกษัย
๏ ไว้เป็นมหรสพซ้อง            สุขศานติ์
สำหรับราชสำราญ                 เริ่มรั้ง
บำเทิงหฤทัยบาน                   ประดิยุทธ์ นั้นนา
เสนอเนตรมนุษย์ตั้ง              แต่หล้าเลอสรวง
๏ ป่วงไท้เทเวศทั้ง                 พรหมมาน
          เชิญประชุมในสถาน             ที่นี้
          ชมชื่นคชบำราญ                    ตูต่อ กันแฮ
          ใครเชี่ยวใครชาญชี้               ชเยศอ้างอวยเฉลิม
๏ หวันเริ่มคุณเกียรติก้อง      กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่คง                     คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง              ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า              เรื่องรู้สรเสริญ
๏ ดำเนินพจน์พากย์พร้อง     พรรณนา
องค์อัครอุปราชา                   ท่านแจ้ง
กอบเกิดขัตติยมา-               นะนึก หาญเฮย
ขับคชเข้ายุทธ์แย้ง                ด่วนด้วยโดยถวิล
๏ หัสดินปิ่นธเรศไท้              โททรง
คือสมิทธิมาตงค์                    หนึ่งอ้าง
หนึ่งคือศิริเมขล์มง                คลอาสน์ มารเอย
เศียรส่ายหงายงาคว้าง            ไขว่แคว้งแทงโถม
๏ สองโจมสองจู่จ้วง             บำรู
สองขัตติยสองขอชู               เชิดด้ำ
กระลึงกระลอกดู                  ไวว่อง นักนา
ควาญขับคชแข่งค้ำ                เข่นเขี้ยวในสนาม
๏ งามสองสุริยราชล้ำ            เลอพิศ นาพ่อ
พ่างพัชรินทรไพจิตร            ศึกสร้าง
ฤๅรามเริ่มรณฤทธิ์                 รบราพณ์ แลฤๅ
ทุกเทศทุกทิศอ้าง                   อื่นไท้ไป่เทียม
๏ ขุนเสียมสามรรถต้าน        ขุนตะเลง
ขุนต่อขุนไป่เยง                     หย่อนห้าว
ยอหัตถ์เทิดลบองเลบง         อังกุศ ไกวแฮ
งามเร่งงามโทท้าว                  ท่านสู้ศึกสาร
๏ คชยานขัตติเยศเบื้อง          ออกถวัลย์
โถมปะทะไป่ทัน                  เหยียบยั้ง
สารทรงราชรามัญ                 ลงล่าง แลนา
เสยส่ายท้ายทันต์ทั้ง               คู้ค้ำคางเขิน
๏ ดำเนินหนุนถนัดได้           เชิงชิด    
หน่อนเรนทรทิศ                   ตกด้าว   
เสด็จวราฤทธิ์                       รำร่อน ขอแฮ
ฟอนฟาดแสงของ้าว              อยู่เพี้ยงจักรผัน
          ๏ เบื้องนั้นนฤนาถผู้              สยามมินทร์
          เบี่ยงพระมาลาผิน                  ห่อนพ้อง
          ศัสตราวุธอรินทร์                  ฤๅถูก องค์เอย
          เพราะพระหัตถ์หากป้อง        ปัดด้วยขอทรง
๏ บัดมงคลพ่าห์ไท้                ทวารัติ
แว้งเหวี่ยงเบี่ยงเศียร              สะบัด ตกใต้
อุกคลุกพลุกเงยงัด                 คอคช เศิกแฮ
เบนบ่ายหงายแหงนให้           ท่วงท้อทีถอย
          ๏ พลอยพล้ำเพลียกถ้าท่าน    ในรณ
          บัดราชฟาดแสงพล-              พ่ายฟ้อน
           พระเดชพระแสดงดล            เผด็จคู่ เข็ญแฮ
           ถนัดพระอังสางข้อน              ขาดด้าวโดยขวา
          ๏ อุรารานร้าวแยก                 ยลสยบ
            เยนพระองค์ลงทบ                ท่าวดิ้น
            เหนือคอคชซอนซบ              สังเวช
           วายชิวาตม์สุดสิ้น                   สู่ฟ้าเสวยสวรรค์
            ๏ บั้นท้ายคชาเรศท้าว            ไทยไผท
            ถึงพิราลัยลาญ                        ชีพมล้าง
            เพราะเพื่อพิพิธไพ-                 รีราช แลนา
             โซรมสาดตราดปืนขว้าง         ตอกต้องตนสลาย
             ๏ ฝ่ายองค์อิศวรนาถน้อง        นฤบาล
             แสดงยศคชยุทธยาน                ยาตรเต้า
             มางจาชโรราญ                       ฤทธิ์ราช แลฤๅ
              เร็วเร่งคเชนทรเข้า                 เข่นค้ำบำรู
             ๏ บัดภูธเรศพ่าห์ได้               เชิงชน
             ลงล่างง้างโททนต์                 เทิดใต้
             พัชเนียงเบี่ยงเบนตน             เซซวน ไปแฮ
  หัวปั่นหันข้างให้                   เพลี่ยงพลั้งเสียที
  ๏ ภูมีมือง่าง้าว                       ของอน
  ฟันฟาดขาดคอบร                  บั่นเกล้า
  อินทรีย์ซบกุญชร                  เมือชีพ แลเฮย
  เผลพระเกียรติผ่านเผ้า              พี่น้องสองไท
            ๏ ทันใดกลางคชเจ้า              จุลจักร
            มลายชิพิตลาญทัก                ท่าวซ้ำ
            เหลือหลามเหล่าปรปักษ์        ปืนป่าย เอาเฮย
            ตรึงอกพกตกขว้ำ                  อยู่เบื้องบนสาร
            ๏ พระราญอริราชด้วย            เดโช
            สี่ทาสสนองบาทโท               ท่านท้าว
             พระยศยิ่งภิยโย                     ผ่านแผ่ ภพนา
             สองรอดโดยเสด็จด้าว          ศึกสู้เสียสอง
(ร่าย)       จึ่ง กองพยุหทวยทัพ สรรพหลังหน้าขวาซ้าย ผ้ายทันธิบดินทร์ ขณะอรินทรพินาศ ขาดคอคชสองเสร็จ ต่างรีบระเห็จเข้าโรม โหมหักหาญราญรุก บุกบั่นฟันแทงฆ่า พม่ามอญไทยใหญ่ ไล่ล้างลาวดาษดวน ไล่มล้างยวนดาษดื่น ตื่นกันแตกกันตายหลายเหลือนับเนืองนอง กองก่ายกายรายหัว ตัวขาแขนเด็ดดาษ กลาดกลางท่งกลางเถื่อน เกลื่อนกลางดงกลางดอน แล่นซอกซอนซนซุก บุกทุกภายพ่ายแพ้ เพราะพระเดชท่านแท้ หากให้ขาดเข็ญ แลนา     
โคลง๒   ๏ เห็นประภาพเจ้าช้าง           เชี่ยวกว่าเชี่ยวเหลืออ้าง
                เอิกอื้ออัศจรรย์ ยิ่งนา
                ๏ ขวัญหนีดีฝ่อพ้น              พวกอเรนทร์ด่วนด้น
                ดัดดั้นทางทวน ไปนา ฯลฯ

ร่าย:ตอนที่ 9 ทัพหลวงเคลื่อนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก

ตอนที่ ๙ ทัพหลวงเคลื่อนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอกาทศรถฝ่าเข้าไปในกองทัพข้าศึก

โคลง๔   ๏ เบื้องบรมจักรพรรดิเกล้า     กษัตรา
เถลิงพิภพทวารา                    เกริ่นแกล้ว
สถิตเกยรัตนราชา                  อาสน์โอ่ องค์เอย
คอยฤกษ์เบิกยุทธ์แผ้ว           แผ่นพื้นหาวหน
๏ บัดดลวลาหกซื้อ                  ชระอับ อยู่แฮ
แห่งทิศพายัพยล                    เยือกฟ้า
มลักแลกระลายกระลับ           ลิวล่งไปเฮย
เผยผ่องภาณุเมศจ้า                  แจ่มแจ้งแสงฉาน
          ๏ คัคนานต์นฤราสร้าง            ราคิน
          คือระเบียบรัตนอินทนิล               คาดไว้
           บริสุทธิ์สร่างมลทิน               ถ่องโทษ อยู่นา
           นักษัตรสวัสดิเดชได้             โชคชี้ศุภผล ฯลฯ
(ร่าย)       เคลื่อน พลตามเกล็ดนาค ตามเต็มท่งแถวเถื่อน เกลื่อนกล่นแสนยาทัพ ถับปะทะไพรินทร์ ส่วนหัสดินอุภัย เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนักสำเนียง เสียงฆ้องกลองปืนศึก อึกเอิกก้องกาหลง เร่งคำรนเรียกมัน ชันหูชูหางแล่น แปร้นแปร๋แลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยาร่าเริง บำเทิงมันครั่นครึก เข้าสู้ศึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ วู่วางวิ่งฉับฉิว ปลิวประเล่ห์สมพาน ส่ำแสะสารแสนยา ขวาซ้ายแซงหน้าหลัง ทั้งทวยพลตนขุน ถ้วนทุกมุลมวลมาตย์ ยาตรบทันโทท้าว ด้าวศึกสู้สองสาร ราญศึกสู้สองไท้ ไร้พิริยะแห่ห้อม พร้อมแต่กลางควาญคช กำหนดสี่โดยเสร็จ เห็จเข้าใกล้กองหน้า ข้าศึกดูดาษเดียร ธระเมียรหมู่ดัสกร มอญพม่าดาดื่น เดินดุจคลื่นคลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรัสทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลั่งคั่งคับ ซับซ้อนแทรกสับสน ยลบเป็นทัพเป็นกอง ธก็ไสสองสารทรง ตรงเข้าถีบเข้าแทง ด้วยแรงมันแรงกาย หงายงาเสยสารเศิก เพิกพังพ่ายบ่ายตน ปนปะไปไขว่คว้าง ช้างศึกได้กลิ่นมัน หันหัวหกตกกระหม่า บ่ากันเลี่ยงกันหลบ ประทบประทะอลวน สองคชชนชาญเชี่ยว เรี่ยวรณรงค์เริงแรง แทงถืบฉัดตะลุมบอน พม่ามอญตายกลาด ข้าศึกสาดปืนโซรม โรมกุฑัณฑ์ธนู ดูดั่งพรรษาซ้อง ไป่ตกต้องตนสาร ธุมาการเกิดกระลบ อบอลเวงฟากฟ้า ดูบ่รู้จักหน้า หนึ่งสิ้นแสงไถง แลนา     
โคลง๔   ๏ จึ่งไทเทเวศอ้าง              สมมุติ
             มิ่งมหิศวรมกุฎ                  เกศหล้า
            เถลิงภพแผ่นอยุธย-            ยายิ่ง ยศแฮ
  แสดงพระเดชฟุ้งฟ้า             เฟื่องด้าวดินไหว
  ๏ ภูวไนยผายโอษฐ์อื้น          โชยงการ
  แก่เทพทุกถิ่นสถาน              ฉชั้น       
  โสฬสพรหมพิมาน                กมลาสน์ แลนา
  เชิญช่วยชุมโสตซั้น               สดับถ้อยตูแถลง
  ๏ ซึ่งแสร้งรังสฤษฏ์ให้          มาอุบัติ
ในประยูรเศวตฉัตร               สืบเชื้อ
หวังผดุงบวรรัตน                  ตรัสเยศ ยืนนา
ทำนุกพระศาสน์เกื้อ              ก่อสร้างแสวงผล
๏ กลใดไป่ช่วยแผ้ว               นภา ดลฤๅ
ใสสรว่างธุมา                        มืดม้วย
มลักเล็งเหล่าพาธา                ทวยเศิก สมรแฮ
เห็นตระหนักเนตรด้วย            ดั่งนี้แหนงฉงาย
๏ พอถวายวรวากย์อ้าง          โอษฐ์พระ
ดาลมหาวาตะ                       ตื่นฟ้า
ทรหึงทรหวลพะ-                  พานพัด หาวแฮ
หอบธุมางค์จางเจ้า                จรัสด้าวแดนสมร
๏ ภูธรเมิลอมิตรไท้               ธำรง สารแฮ
ครบสิบหกฉัตรทรง              เทริดเกล้า
บ่จวนบ่จวบองค์                   อุปราช แลฤๅ
พลางเร่งขับคชเต้า               แต่ตั้งตาแสวง
๏ โดนแขวงขวาทิศท้าว        ทฤษฎี แลนา
บัด ธ เห็นขุนกรี                    หนึ่งไสร้
เถลิงฉัตรจัตุรพิรีย์                   เรียงคั่ง ขูเฮย
หนแห่งฉายาไม้                     ข่อยชี้เณอนาม
๏ ปิ่นสยามยลแท้ท่าน            คะเนนึก อยู่นา
ถวิลว่าขุนศึกสำ-                    นักโน้น
ทวยทัพเทียบพันลึก              แลหลาก หลายแฮ
ครบเครื่องอุปโภคโพ้น             เพ่งเพี้ยงพิศวง
โคลง๒   ๏ สองสุริยพงศ์ผ่านหล้า        ขับคเชนทร์บ่ายหน้า
         แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา
๏ ไป่เกรงประภาพเท่าเผ้า       พักตร์ท่านผ่องฤๅเศร้า
สู้เสี้ยนไป่หนี หน้านา
๏ ไพรีเร่งสาดซ้อง               โซรมปืนไฟไป่ต้อง
ตื่นเต้าแตกฉาน ผ้านนา

ร่าย:ตอนที่ 8 พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธีเอาชนะศึก

ตอนที่ ๘ พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวิธีเอาชนะศึก
 
โคลง๔   ๏ปางอุภัยภูเบศเบื้อง             บูรพ์ถวัลย  ราชย์แฮ
เรียบพิริยพลพรรค์                พรั่งพร้อม
เจียนจวบรวิวรรณ                 ร่างเรื่อ  แลฤๅ
ทวยทิชากรน้อม                    นอบนิ้วเสนอทูล   ฯลฯ
๏ เชิญไท้ยูรยาตรเต้า             เตียงสนาน
ถวายมุทธาภิสิตธาร               เพรียกพร้อง
ศิวเวทวิษณุบรรสาน              สังข์โสรจ  สรงแฮ
มหรทึกครึกเครงก้อง           เกริกหล้าหวั่นไหว  ฯลฯ
(ร่าย)       ฝ่าย ชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์ เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเช่นไก่ ไขว่สรวงพลีผีสาง พลางธส่งแสงอาชญา แต่หลวงมหาวิชัย ใจทระนงองอาจ ยาตรตัดไม้ข่มนาม ตามตำรับไสยเพท บัดนฤเบศทรงสดับ เสียงปืนทัพแย้งยุทธ์ สุดอำเภอเลอไสต โปรดโองการธใช้ ให้หมื่นทิพเสนา เห็จอาชาเร็วรีบ ถีบไปสืบเอาการ เขารับสารขึ้นม้า ควบบช้าบหึง ถึงที่ทวยพลทัพ รับพลางถอยพลางล่ามอญพม่าตามติด ประชิดไล่อลวน ผจญรับอลหม่าน ผ่านท้องท่งท้องนา ดามาโดยแดนผลู ดูคะคลาคะคล่ำ บ่รู้กี่ส่ำสับสน เขาเอาตนหมื่นหนึ่งมา ซึ่งเนาในกองทัพ กลับม้านำมาเฝ้า จึ่งพระพุทธเจ้าอยู่หัว ตรัสถามตัวหมื่นพล เยียใดกลจึ่งพ่าย เขาจำหน่ายเหตุสนอง ว่าเผือผองผาดผ้าย ท้ายดอนเผาธัญญา พอนาฬิกาหนึ่งนับ ปะทะทับดัสกร เข้าราญรอมรุมรุก คลุกคลีกันหนักหนา ปวงปัจจามิตรมาก หลากทุกคราทุกครั้ง ตั้งตนต่อบมิคง ตรงตนต่อบมิหยุด เหลือจักยุทธ์จึ่งลาด ครั้นพระบาทยินสาร ธก็บรรหารตระบัด ตรัสปรึกษาหาเลศ แห่งเหตุเพโทบาย ถ้วนทุกนายทุกมุล ทั่วทุกขุนหมู่มาตย์ คาดความคิดทั้งมวล ควรยศใดใครเห็น จักเข่นเข็ญให้มอด จักขอดเข็ญให้ม้วย ด้วยถ่ายเทเล่ห์ไหน วานเขือไขอย่าอำ เขาขานคำท่านถาม สงครามครานี้หนัก เชิญเสด็จพักพลหมั้น แต่งทัพซั้นไปหน่วง ถ่วงศึกไว้จงหนา รามือลงก่อนไสร้ ไว้สักครั้งรั้งรอ พอได้ทีจึ่งยาตร ยกพยุหบาตรออกราญ เห็นควรการชัยชอบ ธก็ตรัสตอบมนตรี ตรองคดีดูแผก ฝ่ายเราแตกย่นยับ จักส่งทัพไปทาน พอพลอยฉานสองซ้ำ ค้ำบอยู่บหยุด ชอบถอยทรุดอย่ารั้ง ให้ศึกพลั้งเสียเชิง โดยละเลิงใจอาจ ยาตรตามติดผิดขบวน ควรเรายกออกโรม โหมหักหาญราญรงค์ คงชำนะเศิกไสร้ ได้ด้วยง่ายด้วยงาม เขายินความยลชอบ นอบประณตแด่ไท้ ธให้หมื่นทิพเสนา กับหมื่นราชามาตย์ เหินหัยราชรีบร้อน ไปเตือนต้อนกองนา เร็วเร่งล่าอย่ารั้ง ทวยพหลทั่วทั้ง ทราบข้อบรรหาร ท่านนา     
โคลง๒   ๏ บนานต่างตนผ้าย               ไปบ่รอรั้งท้าย
           ถี่เท้าผาดผัง  มานา
  ๏ ผันหลังแล่นแผ่ผ้าน              บมีผู้อยู่ต้าน
 ต่อสู้สักตน  หนึ่งนา   ฯลฯ
โคลง๓   ๏ พวกพลทัพรามัญ               เห็นไทยผันหนีหน้า
 ไปบ่หยุดยั้งช้า                       ตื่นต้อนแตกฉาน  น่านนา
๏ ไป่แจ้งการแห่งเล่ห์            เท่ห์กลไทยใช่น้อย
ต่างเร่งติดเร่งต้อย                  เร่งเต้าตีนตาม  มานา
๏ แลหลังหลามเหลือนับ       บเป็นทัพเป็นขบวนแท้
         ถวิลว่าพ่ายจริงแล้                  ไล่ล้ำระส่ำระสาย  ยิ่งนา
๏ หมายละเลิงใจอาจ             ประมาทประมาณหมิ่นหมั้น
          เบาเร่งเบาเชิงชั้น                  ชื่นหน้ามาสรลม  สรลอนนา